อติรุจ วินัยเจริญชัย อดีตทีมชาติไทยวัย 19 ปี ที่เพิ่งเล่นในฐานะนักกอล์ฟอาชีพเพียงรายการที่สอง หวดอีก 3 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสามวัน 11 อันเดอร์พาร์ 202 นำสามแต้ม ก่อนเข้ารอบสุดท้ายศึกกอล์ฟอาชีพ ไทยแลนด์ พีจีเอ ทัวร์ รายการ “สิงห์-เอสเอที นครนายก คลาสสิก 2018” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ สนามรอยัลฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.นครนายก เมื่อ 13 ก.ค.61
สิงห์-เอสเอที นครนายก คลาสสิก ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท โดยการสนับสนุนของ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ผู้ชนะจะรับเงินรางวัล 240,000 แมทช์นี้เป็นรายการสะสมเงินรางวัลออเดอร์ ออฟ เมอริท รายการที่สามของ ไทยแลนด์ พีจีเอ ทัวร์ 2018 แข่งขันระหว่างวันที่ 11-14 กรกฎาคม 2561 ณ สนามรอยัลฮิลล์ กอล์ฟ รีสอร์ท แอนด์ สปา ระยะ 7,246 หลา พาร์ 71 จ.นครนายก
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา เป็นรอบสามของการแข่งขัน อติรุจ วินัยเจริญชัย โปรวัย 19 ปีจากชลบุรี ซึ่งเพิ่งลงเล่นในฐานะนักกอล์ฟอาชีพเพียงรายการที่สองในชีวิต เก็บเพิ่มมาอีก 3 เบอร์ดี้โดยไม่มีโบกี้ ก่อนจบรอบสาม 3 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสามวัน 11 อันเดอร์พาร์ 202 นำ 3 สโตรคก่อนเข้า 18 หลุมสุดท้ายของการแข่งขัน
หลังผ่านไป 54 หลุม อติรุจ เพิ่งเสียโบกี้ไปเพียง 2 หลุมเท่านั้น และนับตั้งแต่เสียโบกี้ที่หลุม 15 ในวันแรกของการแข่งขัน จากนั้นเขาเล่นมา 39 หลุมโดยไม่เสียโบกี้แม้แต่หลุมเดียว ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า “หลังจากวันแรกเสียค่อนข้างง่ายก็พยายามเล่นให้รัดกุมขึ้น ถ้าจะเสียก็ต้องแบบที่มันพลาดจริงๆ สกอร์ที่ออกมาก็ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้วันละสามอันเดอร์ครับ”
อดีตนักกอล์ฟทีมชาติไทยวัย 19 ปีจากชลบุรี ยังบอกด้วยว่าการเปลี่ยนสถานภาพจากนักกอล์ฟสมัครเล่นมาเป็นนักกอล์ฟอาชีพมีการปรับตัว แต่ได้ระบบจากทีมชาติไทยมาช่วย “เรื่องอารมณ์จะต้องน้อยลงเพราะมันเป็นเงินเป็นทอง ต้องรัดกุมขึ้น ระบบจากทีมชาติพวกระเบียบวินัยต่างๆ ประสบการณ์จากการแข่งขัน จากการเล่นต่างประเทศสามารถนำมาปรับใช้ได้หมดครับ”
ด้าน จาตุรนต์ ดวงไพชุม นักกอล์ฟวัย 22 ปีจากอุดรธานี ที่นำการแข่งขันหลังผ่านสองวัน แต่ยอมรับว่าตนเองมักมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจในการเล่นสองวันสุดท้าย ประคองตัวเข้ามาที่ อีเวนพาร์ 71 จาก 4 เบอร์ดี้ 4 โบกี้ รวมสามวัน 8 อันเดอร์พาร์ 205 ตามหลังผู้นำอยู่ 3 สโตรค
จาตุรนต์ เคยทำผลงานดีที่สุดในไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ด้วยการจบอันดับสองที่สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น เมื่อปีที่ 2017 ที่ผ่านมา กล่าวว่า “ออกไปตอนแรกก็โอเคครับ พอไปกลางๆเริ่มตีไม่ได้ เราก็คิดว่ามันจะเป็นอีกแล้วเหรอ สุดท้ายพยายามตั้งสมาธิใหม่ คิดว่ายังมีอีกหลายหลุม กลับมาพยายามเล่นตามเกม แล้วมาได้เบอร์ดี้ที่หลุม 16 กับ 17 วันสุดท้ายต้องพยายามตีตามเกมครับ ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลยครับ”
อันดับสามตามเข้ามาเท่ากันสองคน เศรษฐี ประคองเวช ที่หวดเข้ามาอีก 4 อันเดอร์พาร์ 67 และ กิตติพร ชวนะพงศ์ ที่ทำเข้ามา อีเวนพาร์ 71 รวมสามวันมีคนละ 7 อันเดอร์พาร์ 206 ซึ่ง เศรษฐี ที่เก็บเข้ามาอีก 5 เบอร์ดี้ ก่อนมาพลาดเสียโบกี้ที่หลุม 17 กล่าวว่า “วันนี้ตีช็อตเหล็กดีมาก รอบสุดท้ายถ้าสมาธิดี ควบคุมช็อตให้นิ่งได้ ตีอันเดอร์ก็มีโอกาสครับ”
วรุณ เอี่ยมแก้ว, ภานุวัฒน์ บุลสมบัติ, ธนาธิป เผือกเทศ และ เขตตะวัน ปูคะวนัช คนละ 6 อันเดอร์พาร์ 207 ขณะที่ ภาณุวิชญ์ อ่อนจู, พล เขมรัตน์, ชินรัตน์ ผดุงศิลป์ และ เชาวลิต ผลาผล ตามหลังอยู่หนึ่งสโตรกที่สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 208
สรุปผลสิงห์-เอสเอที นครนายก คลาสสิก (สนามพาร์ 71)
202 อติรุจ วินัยเจริญกุล 68-66-68
205 จาตุรนต์ ดวงไพชุม 65-69-71
206 เศรษฐี ประคองเวช 71-68-67, กิตติพร ชวนะพงศ์ 68-67-71
207 ภานุวัฒน์ บุลสมบัติ 71-67-69, ธนาธิป เผือกเทศ 69-68-70, เขตตะวัน ปูคะวนัช 70-67-70, วรุณ เอี่ยมแก้ว 68-68-71
208 ภาณุวิชญ์ อ่อนจู 68-74-66, พล เขมรัตน์ 69-71-68, ชินรัตน์ ผดุงศิลป์ 67-71-70, เชาวลิต ผลาผล 70-68-70
209 กษิดิศ เล็บครุฑ 70-71-68, วรสรณ์ สุวรรณพนัง 72-69-68, สุทธิเจตน์ คูห์รัตนพิศาล 69-71-69, วุฒิพงศ์ สีห์พันธ์ 71-69-69, ตะวัน พงศ์พันธุ์ 68-72-69