ธันยากร ครองผา ยังตีทีช็อตไม่ได้ดั่งใจแต่ได้ช็อตแอพโพรชแก้สถานการณ์เก็บเข้ามาอีก 5 เบอร์ดี้แบบไม่เสียโบกี้ ก่อนจบรอบสอง 5 อันเดอร์พาร 66 มีลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการที่ห้าในอาชีพหลังขึ้นนำ 2 สโตรกด้วยสกอร์รวม 11 อันเดอร์พาร์ 131 ในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพของสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย รายการสิงห์-เอสเอที จันทบุรี แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ ชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว ระยะ 7,104 หลา พาร์ 71 จ.จันทบุรี
สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน “สิงห์-เอสเอที จันทบุรี แชมเปียนชิพ 2020” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท โดยจัดภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่ โควิด-19 จากทางภาครัฐอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ จากการสนับสนุนร่วมกันของ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. รายการนี้เป็นการสะสมเงินรางวัลออเดอร์ ออฟ เมอริท รายการที่สี่ของ ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ฤดูกาลนี้ แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 54 หลุม ระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค.2563 ณ สนามชาเทรียม กอล์ฟ รีสอร์ท สอยดาว ระยะ 7,104 หลา พาร์ 71 จ.จันทบุรี โดยผู้ชนะรายการนี้จะรับเงินรางวัลไปครอง 240,000 บาท
รอบสองของการแข่งขันเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ธันยากร ครองผา นักกอล์ฟวัย 30 ปียังจับจังหวะของไดร์ฟเวอร์ของตนเองไม่ได้ แต่อาศัยเหล็กเข้ากรีนยังคมกริบเก็บเข้ามาอีก 5 เบอร์ดี้โดยไม่เสียโบกี้ ก่อนขึ้นคลับเฮ้าส์เข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสองวันนำการแข่งขันที่สกอร์รวม 11 อันเดอร์พาร์ 131 โดยมี อติรุจ วินัยเจริญกุล และ ภาณุพล พิทยารัฐ ตามหลังอยู่เพียง 2 สโตรก
ธันยากร ครองผา แชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 4 รายการและอดีตแชมป์ทำเงินออเดอร์ ออฟ เมอริท เมื่อปี 2013 ที่ยอมรับว่ายังตีทีช็อตไม่ได้ดั่งใจกล่าวว่า “วันนี้ดีขึ้นมาหน่อยครับจากรอบแรกไดร์ฟอยู่ในแฟร์เวย์ 3 หลุมเพิ่มมาเป็น 6 หลุม ก็ยังไม่โอเคเท่าไหร่ จริงๆมันก็ไม่ได้หลุดเยอะแต่เราต้องการแฟร์เวย์ คือถ้าอยู่ส่วนใหญ่มันจะเข้าไปอยู่ในระยะที่ผมทำแต้มได้เลย เพราะตีเหล็กโอเคเลยครับ”
นักกอล์ฟจากขอนแก่นซึ่งกำลังลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการที่ห้าในอาชีพ แต่เป็นรายการแรกนับจากชนะที่ สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ยังกล่าวถึงโอกาสลุ้นในรอบสุดท้ายว่า “รอโอกาสที่จะเสิร์ฟให้มั่นใจกว่านี้ รอบสุดท้ายมีแผนเดียวเลยคือเล็งแฟร์เวย์ เพราะถ้าเราเสิร์ฟอยู่แฟร์เวย์มันได้ตั้งลูก คราวนี้จะทำอะไรก็ได้ กรีนตกหยุด ช็อดแอพโพรชก็ไม่เกินเหล็กยาวมีแต่เหล็กสั้น ถ้ายากก็น่าจะอยู่ที่พาร์ 3 เพราะรอบสุดท้ายน่าจะเลื่อนแท่นออกไป สกอร์น่าจะขยับยากหน่อย”
ด้าน อติรุจ วินัยเจริญชัย นักกอล์ฟวัย 20 ปี จากชลบุรี ซึ่งออกสตาร์ทรอบสองทางด้านหลุม 10 และประเดิมด้วยการเสียสองโบกีในการเล่นสองหลุมแรกหลังแอพโพรชช็อตหากรีนไม่เจอ แต่หลังจากนั้นแก้ตัวคืนได้กลับมา 5 เบอร์ดี้ ก่อนจบรอบสองเข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสองวันอยู่อันดับสองร่วมกับ ภาณุพล พิทยารัฐ ที่หวดเข้ามา 68 เช่นกัน โดยทั้งคู่ตามหลังผู้นำอยู่เพียง 2 สโตรกเท่านั้น
นักกอล์ฟจากชลบุรีที่ชนะที่รอยัลฮิลล์ จ.นครนายก เมื่อปี 2018 กล่าวถึงการลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการที่สองในอาชีพของตนเองว่า “จริงๆผมก็เหมือนเดิมครับ ตั้งเป้าหมายขอตีวันละลบสาม ผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็เท่านั้น ส่วนในรอบสุดท้ายปัจจัยของผมน่าจะอยู่ที่พัตต์กับความมั่นใจ ถ้าเล่นไหลลื่นหรือได้เบอร์ดี้เร็วๆตั้งแต่หลุมแรกๆก็คงมีโอกาสได้ลุ้น แต่คงไม่ได้ไปโฟกัสกับตรงนั้น”
ส่วน ภาณุพล พิทยารัฐ นักกอล์ฟวัย 27 ปีที่ชนะไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ครั้งหลังสุดที่สนามเซนต์ แอนดรูว์ 2000 จ.ระยอง เมื่อปี 2000 กล่าวถึงการเล่นในรอบสุดท้ายว่า “ก็เหมือนเดิมครับ คือ พยายามตีให้สนุกเป็นหลัก ผมเพิ่งมาเล่นที่นี่ครั้งแรกก็สนุกดีแต่สนามนี้ยากที่กรีน สโลปค่อนจข้างเยอะ การปักธงก็อยู่ในตำแหน่งค่อนข้างยาก ฉะนั้นต้องวางช็อตและควบคุมระยะให้ดี”
อันดับสี่ร่วมตามเข้ามาเท่ากัน 4 คน ประกอบด้วย ธนภัทร พิชัยกุล, ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม และ สดมภ์ แก้วกาญจนา ซึ่งในรอบสองทำเข้ามาคนละ 3 อันเดอร์พาร์ 68 รวมแล้วมีคนละ 8 อันเดอร์พาร์ 134 ไล่หลัง 1 สโตรกที่ 7 อันเดอร์พาร 135 เป็น กิตติพร ชวนะพงศ์ ที่หวดเข้ามาอีก 68 ขณะที่ ภูมิ ภัทโรพงศ์ (67), ถิรวัฒน์ แก้วศิริบัณฑิต (69) และ รฐนน วรรณศรีจันทร์ (69) อยู่อันดับแปดร่วมกันโดยมีสกอร์ตามหลังผู้นำอยู่ 5 สโตรก