สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ เอเชียนทัวร์ ระเบิดศึกกอล์ฟอาชีพ “ไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 48” หนึ่งในเนชั่นแนล โอเพ่น ที่เก่าแก่ที่สุดของเอเชีย ชิงเงินรางวัลรวม 300,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 9 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 7-10 พฤศจิกายน 2562 ณ สนามไทยคันทรีคลับ จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมลุ้นนักกอล์ฟไทยครองแชมป์เป็นสมัยที่สามติดต่อกัน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่คลับเฮ้าส์ สนามไทยคันทรี่คลับ นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย มร.โช มินน์ ตันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอเชียนทัวร์ และ มร.จอห์น บลันช์ ผู้จัดการทั่วไปสนามกอล์ฟไทยคันทรีคลับ ร่วมแถลงข่าวจัดการแข่งขันกอล์ฟเอเชียนทัวร์ รายการ “ไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 48” ชิงถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 9 พร้อมเงินรางวัล 300,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 9 ล้านบาท โดยมี ภาณุพล พิทยารัตน์ แชมป์เก่า ปี 2018 และ โคสุเก ฮามาโมโต้ นักกอล์ฟดาวรุ่ง ร่วมงาน ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง
นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมจัดการแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น กับ เอเชียนทัวร์ อีกครั้งในสัปดาห์นี้ เราทำงานร่วมกับเอเชียนทัวร์มาอย่างยาวนานเพื่อยกระดับมาตรฐานของการแข่งขันรายการนี้ ซึ่งการแข่งขัน ไทยแลนด์ โอเพ่น มีบทบาทสำคัญในการพัฒนากีฬากอล์ฟในประเทศไทยตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา สำหรับปีนี้เราหวังว่าจะได้เห็นการแข่งขันไทยแลนด์ โอเพ่น ประสบความสำเร็จเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา”
“เพราะประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน ทำให้การแข่งข้นรายการไทยแลนด์โอเพ่นสามารถดึงดูดนักกอล์ฟระดับแนวหน้าชาวไทยและต่างประเทศ เข้ามาร่วมการแข่งขันมาโดยตลอด ซึ่งแชมป์รายการนี้จะได้ครองถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทั้งนี้จากความสนใจของนักกอล์ฟฝีมือดีที่เข้าร่วมแข่งขัน ทำให้การแข่งขันไทยแลนด์โอเพ่นมีความเข็มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายมาเป็นเวทีสำคัญให้นักกอล์ฟได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นประเทศที่ผลิตนักกอล์ฟฝีมือดีเข้าสู่วงการกอล์ฟโลกมากมาย” นายกสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศฯ กล่าวเสริม
ทางด้าน มร.โช มินน์ ตันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอเชียนทัวร์ เผยว่า “ทางเอเชียนทัวร์ต้องขอขอบคุณสมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ และสนามกอล์ฟไทยคันทรีคลับ สำหรับความมุ่งมั่นทุ่มเทและการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยม ซึ่งการสนับสนุนอันทรงค่าดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงการกอล์ฟอาชีพทั่วภูมิภาคเอเชีย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการว่ากอล์ฟรายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักกอล์ฟรุ่นใหม่ต่อไป”
มร.จอห์น บลันช์ ผู้จัดการทั่วไปสนามกอล์ฟไทยคันทรีคลับ กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์ โอเพ่น เป็นปีที่สามติดต่อกัน และยินดีต้อนรับเหล่านักกอล์ฟดาวดัง รวมทั้งเจ้าหน้าเอเชียนทัวร์ กลับสู่สนามไทยคันทรีคลับอีกครั้งในสัปดาห์นี้ พนักงานของเราช่วยกันทำงานอย่างหนักเพื่อให้แน่ใจว่าสนามอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด สำหรับเป็นสังเวียนทดสอบความท้าทายของเหล่านักกอล์ฟชั้นนำของเอเชียนทัวร์”
ไทยแลนด์ โอเพ่น นับเป็นรายการเนชั่นแนล โอเพ่น ที่เก่าแก่ที่สุดรายการหนึ่งของเอเชีย ในปีนี้จะเป็นรายการที่เจ็ดในปฏิการแข่งขันเอเชียนทัวร์ ฤดูกาล 2019 และจะเป็นเอเชี่ยนทัวร์รายการแรกของฤดูกาลที่มาจัดในประเทศไทย โดยจะมีนักกอล์ฟ 144 คนจาก 20 ประเทศเข้าร่วมการแข่งขัน ที่ผ่านมานักกอล์ฟไทยเคยคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้ว 5 คน ประกอบด้วย สุเทพ มีสวัสดิ์ (1991), บุญชู เรืองกิจ (1992 และ 2004), ประหยัด มากแสง (2013), รฐนน วรรณศรีจันทร์ (2017) และ ภาณุพล พิทยารัฐ (2018)
“โปรมะพร้าว” ภาณุพล พิทยารัฐ วัย 26 ปี ในฐานะแชมป์เก่าเผยว่า “ผมรู้สึกตื่นเต้นและเฝ้ารอที่จะได้ลงป้องกันตำแหน่งแชมป์ในสัปดาห์นี้ ผมยังจำบรรยากาศการคว้าแชมป์เมื่อปีที่แล้วได้ดี รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คว้าแชมป์ระดับเนชั่นแนล โอเพ่น ในบ้านเกิดได้สำเร็จ มาปีนี้เกมการเล่นของผมตอนนี้ถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว แม้ยังไม่ใช่ระดับท็อปฟอร์ม แต่ก็กำลังปรับอยู่ และเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว”
นอกจากนักกอล์ฟชั้นนำของเอเชียนทัวร์ที่จะเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ ยังให้สิทธิ์นักกอล์ฟสมัครเล่น 10 คน รวมถึงสวิงทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อหาประสบการณ์ก่อนลุยมหกรรมกีฬาซีเกมส์ด้วย ประกอบด้วย เด่นวิทย์ เดวิด บริบูรณ์ทรัพย์, นพรัฐ พานิชผล, วันชัย หลวงนิติกุล, วาริษ มั่นธรณ์, ธนกร ตอสี, วิชญ์ ปิติพัฒน์, วีรวิชญ์ นาคประชา, จอร์จ (ธนรัฐ) ดวงมณี และ เอกปริษฐิ์ หวู่
สำหรับการแข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 48 ถือเป็นทัวร์นาเมนท์ของพานาโซนิค สวิง ซีรีส์ 2019/2020 รายการที่สาม โดยเริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี 2017 ทั้งนี้พานาโซนิค สวิง เป็นซีรีส์เก็บคะแนนจาก 5 รายการของเอเชียนทัวร์ ซึ่งผู้ที่ครองอันดับหนึ่งจะได้รับเงิน 70,000 เหรียญสหรัฐ อันดับสอง 5,000 เหรียญสหรัฐฯ และอันดับสาม 3,000 เหรียญสหรัฐ