พิจิตร เพ็ชรเกษม โปรวัย 32 ปีจากกรุงเทพฯ ฟอร์มแรงจัดเก็บ 4 เบอร์ดี้ใน 5 หลุมสุดท้ายก่อนจบรอบสอง 6 อันเดอร์พาร์ 65 ขยับขึ้นนำด้วยสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 133 โดยมี ดลภัทรไชย นิยมชน ไล่บี้แค่สโตรกเดียว ในศึกกอล์ฟอาชีพไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ รายการสิงห์-เอสเอที นครนายก แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ สนามวอเตอร์มิลล์ กอล์ฟ คลับ แอนด์ รีสอร์ท ระยะ 7,197 หลา จ.นครนายก
สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน สิงห์-เอสเอที นครนายก แชมเปียนชิพ 2019 ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท จากการสนับสนุนร่วมกันของ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. โดยผู้ชนะเลิศจะรับเงินรางวัลไปครอง 240,000 บาท เป็นรายการสะสมเงินรางวัลออเดอี ออฟ เมอริท รายการที่เจ็ดของไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ฤดูกาลนี้ แข่งขันระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2562 ณ สนามวอเตอร์มิลล์ กอล์ฟ คลับ แอนด์ รีสอร์ท ระยะ 7,197 หลา จ.นครนายก
เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นรอบสองของการแข่งขัน พิจิตร เพ็ชรเกษม ที่เพิ่งกลับมาคืนฟอร์มอีกครั้งเก็บเข้ามา 7 เบอร์ดี้ ซึ่งรวมถึงการทำ 4 เบอร์ดี้ในการเล่น 5 หลุมสุดท้าย ก่อนกลับขึ้นคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์ 6 อันเดอร์พาร์ 65 ขยับขึ้นนำการแข่งขันด้วยสกอร์รวม 9 อันเดอร์พาร์ 133 โดยมี ดลภัทรไชย นิยมชน ตามหลังสโตรกเดียวเท่านั้น
พิจิตร เพ็ชรเกษม นักกอล์ฟวัย 32 ปีที่เคยชนะรายการระดับอาชีพรายการแรกและรายการเดียวของเขาในทีพีซีทัวร์ที่ นารายณ์ฮิลล์ จ.ลพบุรี เมื่อปี 2012 เผยว่า “ดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ ก่อนออกเหมือนลมหนาวจะมา ลมมันจะแรง เราก็เตรียมตัวที่จะคุมลูกให้อยู่ เพราะที่นี่พาร์ 3 จะยาก แล้วหลังๆผมตีเหล็กยาวเพิ่งเริ่มดีขึ้น พอหลุมยากๆเราผ่านได้ หลุมสั้นก็ตีให้อยู่แฟร์เวย์ แล้ววันนี้ช็อตสองตีเข้าไปใกล้เยอะมาก บวกกับลูกพัตต์ค่อนข้างดีเลยครับ อย่างวันแรกก็ดีแต่มีช่วงกลางๆรอบที่พัตต์ไม่ลง แต่มาลงสองหลุมสุดท้าย ฟิลลิงก็เลยกลับมา”
นักกอล์ฟวัย 32 ปีจากกรุงเทพฯ ยังกล่าวถึงการลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิตของเขาว่า “ผมไม่ได้มองไปถึงตรงนั้น เรียกว่าอยู่ในช่วงเรียกความมั่นใจดีกว่า เพราะไทยพีจีเอผมตกรอบมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เพิ่งมาเข้ารอบที่บลูสตาร์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แมทช์สมาคมฯปีนี้เพิ่งเข้ารอบ 3 รายการ ตอนนี้ผมพยายามอยู่กับตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมก็จะทำแค่นั้น เพราะผมเพิ่งจะกลับมาตีเข้ารอบจะไปทำอะไรแบบที่คนตีแล้วภาพมันชัดคงไม่ได้ อย่างรอบนีออกไปไม่เกินแล้วได้มา 2 เบอร์ดี้ก็รู้แล้วว่าทรงนี้เข้ารอบ แต่ตอนที่อันเดอร์เยอะๆเราก็ไม่รู้ว่ารวมอยู่ที่เท่าไหร่ รู้แค่เกมตรงหน้า แต่บังเอิญช็อตสองมันตีเข้าไปใกล้เยอะแล้วพัตต์ลง”
ทางด้าน ดลภัทรไชย นิยมชน นักกอล์ฟวัย 29 ปีจากนครสวรรค์ แชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ ที่สิงห์ปาร์ค ขอนแก่น เมื่อปีที่ผ่านมา เข้ารอบสองเก็บเพิ่มอีก 6 เบอร์ดี้โดยไม่เสียโบกี้ ก่อนจบรอบ 6 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสองวันตามหลังผู้นำเพียงสโตรกเดียว ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า “วันนี้ไดร์ฟ 11 แฟร์เวย์แล้วพัตต์ดีขึ้น วันแรกช็อตก็ใกล้เคียงกันแต่พัตต์ไม่ค่อยลง รอบนี้พัตต์ดีขึ้น พยายามตีขึ้นกรีนในจุดปลอดภัยแล้วโชคดีพัตต์ลง สำหรับรายการนี้พยายามเปิดโอกาสให้ตัวเองได้พัตต์เยอะๆ เพราะที่นี่ต้องสู้กันด้วยพัตต์”
อันดับสามตามเข้ามาเท่ากันสองคน ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม และ ธนาธิป เผือกเทศ ที่เก็บเข้ามาคนละ 4 เบอร์ดี้ แบบไม่เสียโบกี้ ก่อนจบรอบคนละ 5 อันเดอร์พาร์ 66 รวมสองวันมีคนละ 7 อันเดอร์พาร์ 135 ตามมาด้วย รณชัย จำนงค์ ที่หวดเข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสองวัน 6 อันเดอร์พาร์ 136 ขณะที่ สุทธิเจตน์ คูห์รัตนพิศาล (67), วินธัย วิวัฒน์สนิทชัย (68) และ สรชัช หรรษาภิบาล (70) ตามหลังหนึ่งแต้มที่สกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ 137
ส่วน วุฒิวิทย์ เจริญพรอนุกูล ผู้นำหลังจบรอบแรก เข้ารอบสองตีเกินไป 4 โอเวอร์พาร์ 75 หล่นมาอยู่อันดับสิบสองร่วมกับ แสงชัย แก้วเจริญ (69), เขตตะวัน ปูคะวนัช (69), ปิยะ สว่างอรุณพร (70),ยูอิชิโน นิชิ (70) จากญี่ปุ่น, กัมลาศ นาเมืองรักษ์ (71),ชัพชัย นิราช (72) และ สหัสวรรษ อริยฉัตรเวคิน (71) นักกอล์ฟสมัครเล่น