แสงชัย แก้วเจริญ แชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 2 รายการจากกรุเทพฯ หวดเพิ่มอีก 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสองวัน 13 อันเดอร์พาร์ 129 ขึ้นมานำบนคลับเฮ้าส์ ในการแข่งขันกอล์ฟอาชีพไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ที่โดยพายุฝนฟ้าคะนองป่วนเป็นวันที่สองติดต่อกัน ในการแข่งขันรายการสิงห์-เอสเอที นครราชสีมา คลาสสิก 2023 ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ สนามเขาใหญ่ คันทรี่คลับ ระยะ 7,087 หลา พาร์ 71 จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา
สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน “สิงห์-เอสเอที นครราชสีมา คลาสสิก 2023” ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท จากการสนับสนุนร่วมกันของ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น, การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท., กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, น้ำดื่มสิงห์, บริดจสโตน, อินฟินิท, บริษัท อะเบ้าท์ กราส จำกัด และ บริษัท เมเนจเม้นท์ โดยรายการนี้เป็นแมตช์ที่สามของไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 2023 แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 72 หลุม ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน-1 กรกฎาคม 2566 ณ สนามเขาใหญ่ คันทรี่คลับ ระยะ 7,087 หลา พาร์ 71 จ.นครราชสีมา
การแข่งขันรอบสองเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ต้องเจอพายุฝนฟ้าคะนองรบกวนเป็นวันที่สองติดต่อกัน ซึ่งคณะกรรมการจัดการแข่บขันต้องยุติการแข่งขันชั่วคราวเป็นเวลา 2 ชั่วโมงกว่าเพื่อความปลอดภัยของนักกอล์ฟ ส่งผลให้นักกอล์ฟหลายคนไม่สามารถเล่นจบรอบได้ต้องกลับมาเล่นต่อในช่วงเช้าของวันที่ 29 มิ.ย.แต่ตามด้วยแพริ่งของการแข่งขันรอบที่สามต่อไป
ในกลุ่มนักกอล์ฟที่สามารถเล่นจบรอบได้นั้น แสงชัย แก้วเจริญ นักกอล์ฟวัย 24 ปีจากกรุงเทพฯ ซึ่งนำการแข่งขันหลังจบรอบแรกด้วยสกอร์ 9 อันเดอร์พาร์ 62 แม้ในรอบสองซึ่งเริ่มเล่นที่หลุม 9 จะเริ่มต้นไม่ดีเสียดับเบิลโบกี้ที่หลุม 13 แต่ก็แก้ตัวด้วยการเก็บคืนมา 2 อีเกิ้ล 3 โบกี้ และเสียไปอีก 1 โบกี้ ก่อนจบรอบสอง 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสองวันขึ้นมานำบนคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์รวม 13 อันเดอร์พาร์ 129
แสงชัย แก้วเจริญ เจ้าของแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 2 รายการเปิดเผยว่า “วันนี้เปิดมาไม่ค่อยดี ออกไปสามสี่หลุมแรกได้พัตต์เบอร์ดี้ตลอดแต่ไม่ลง กระทั่งไปลูกหายที่หลุม 13 เกมมันก็ตึงๆ เราก็พยายามดึงสมาธิกลับมาแล้วคิดว่ายังเหลือหลุมอีกครั้งเยอะ ผ่านไปสองวันก็ถือว่าเป็นสกอร์ที่ดีครับ ตีอันเดอร์ได้ตามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ยังมีหลุมที่ยังพัตต์ใกล้ๆไม่ลงหลายหลุม โดยเฉพาะในวันนี้”
ตามหลัง 1 สโตรกที่สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 130 เป็น ภัทรพล ขันทะชา นักกอล์ฟวัย 32 ปีจากนครราชสีมา เจ้าของแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ ที่วอเตอร์มิลล์ กอล์ฟ แอนด์ การ์เด้นส์ เมื่อ 12 ปีที่ผ่านมา และ เย เต็ด อ่อง นักกอล์ฟวัย 30 ปีจากเมียนมาร์ ที่ในรอบสองหวดเข้ามาอีกคนล่ะ 5 อันเดอร์พาร์ 66
ภัทรพล ขันทะชา กล่าวว่า “วันนี้เล่นดีครับ คือตีแฟร์เวย์กรีนปกติ ทีช็อตก็ดีเหมือนเดิม วันนี้ตีออนทั้งหมด 17 กรีน แต่ไปออกสามพัตต์หลุมหนึ่ง แล้วเก็บข้างกรีนไม่ได้อีกหลุม ภาพรวมถือว่าโอเค ตีอยู่แฟร์เวน์ ทำเบอร์ดี้ได้ ตีออนได้เยอะ ผมว่ากอล์ฟการต่อสู้สมัยนี้มันโหดมาก การแข่งขันสูงมาก คิดว่าซ้อมมาดีเราก็น่าจะสู้ได้ ที่เหลือก็อยู่ที่การควมคุมอารมณ์ และคิดว่าการเล่นให้สนุกน่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
ส่วน เย เต็ด อ่อง ที่มีความฝันว่าจะชนะกอล์ฟอาชีพในประเทศไทยกล่าวว่า “การชนะในประเทศไทยเป็นความฝันของผมนับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมมาเริ่มเล่นที่นี่ ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากกับอีกสองวันที่เหลือ สำหรับเกมวันนี้ผมคิดว่าต้องกลับไปเวิร์กกับทีช็อตเพราะมี 2-3 หลุมที่ผมไดร์ฟไม่ดี แต่โดยรวมโอเค ตีเหล็กดี ชิพพัตต์ดี พยายามอยู่กับเกมแพลนและรักษาโมเมนตั้ม ซึ่งผมคิดว่าทำได้ดีทีเดียว”
ขณะที่ สุทธินนท์ ปัญโญ นักกอล์ฟวัย 19 ปีจากเชียงใหม่ เก็บเข้ามาอีก 7 เบอร์ดี้แบบไม่เสียโบกี้ก่อนจบรอบสอง 7 อันเดอร์พาร์ 64 รวมสองวัน 11 อันเดอร์พาร์ 131 เท่ากับ ธันยากร ครองผา ที่ทำเข้ามา 64 เช่นเดียวกัน โดยมี ฐิติพัศ เล็ม ที่หวดเข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 68 ไล่มาที่สกอร์รวม 10 อันเดอร์พาร์ 142
ทางด้าน พศวีร์ เลิศวิไล นักกอล์ฟวัย 32 ปีจากเชียงใหม่ เจ้าของแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ ที่บลูสตาร์ จ.กาญจนบุรี เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา หวดเพิ่มอีก 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสองวัน 9 อันเดอร์พาร์ 133 เท่ากับ วีรวิชญ์ นาคประชา และ แดนไท บุญมา ที่หวดเข้ามา 67 เช่นเดียวกัน รวมถึง รัฐภูมิ กระแสร์ชล ที่ตีเข้ามา 5 อันเดอร์พาร์ 66 โดยมี ขวัญชัย แท่นนิล (65), พล เขมรัตน์ (67) และ ภูษณะ พุทธชนาธิป (65) ตามหลัง 1 แต้มด้วยสกอร์ 8 อันเดอร์พาร์ 134