เศรษฐี ประคองเวช ดาวรุ่งวัย 22 ปีจากชลบุรียังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์อาชีพรายการแรกในชีวิตหลังหวดเข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 69 รวมสองวันนำการแข่งขันที่ 12 อันเดอร์พาร์ 132 โดยมี อิทธิพัทธ์ บูรณธัญรัตน์ และ ภูริณัฐ ทรงไพบูลย์ ตามหลัง 4 สโตรค ในศึกสิงห์-เอสเอที กบินทร์บุรี แชมเปี้ยนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ สนามกบินทร์บุรี สปอร์ตคลับ จ.ปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา
สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย โดยการสนับสนุนจาก บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ การกีฬาแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขันกอล์ฟไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 2017 ประเดิมเก็บแรงกิ้ง ออเดอร์ ออฟ เมอริท รายการแรกด้วย “สิงห์ – เอสเอที กบินทร์บุรี แชมเปี้ยนชิพ 2017” ระหว่าง วันที่ 8-11 มีนาคม 2560 ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท แชมป์จะคว้าเงินรางวัลไปครอง 240,000 บาท
ในรอบสอง เศรษฐี ประคองเวช นักกอล์ฟวัย 22 ปีจากชลบุรีที่กำลังลุ้นแชมป์อาชีพรายการแรกในชีวิตแม้จะพลาดเสียสองโบกี้แรกของทัวร์นาเม้นท์ แต่ยังกลับขึ้นคลับเฮ้าส์เข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 69 ผ่านครึ่งทางยังนำการแข่งขันที่สกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ 132
เศรษฐี ที่เริ่มเล่นไทยพีจีเอทัวร์มาตั้งแต่อายุ 18 ปี กล่าวว่า “เกมวันนี้ช็อตไม่ดีเท่าเมื่อวาน พัตต์ลงน้อยกว่าเมื่อวาน แต่โดยรวมอยู่ในมาตรฐานของตัวเอง รู้สึกว่าวันนี้ตำแหน่งธงน่าจะยากกว่าเมื่อวาน และช่วงบ่ายก่อนจบมีลมแรงนิดหนึ่ง”
จ่าฝูงสิงห์-เอสเอสที กบินทร์บุรี แชมเปี้ยนชิพ 2017 ยังกล่าวอีกว่า “เป้าแต่ละวันขึ้นอยู่กับตำแหน่งธงแต่ก็อยู่ประมาณลบสามถึงลบห้า หมายความถึงค่าเฉลี่ยที่ซ้อมช่วงนี้นะครับ นอกจากจะมีสภาพอากาศลมแรงกว่าปกติก็อาจจะมีผลต่อสกอร์ด้วย โดยรวมถือว่าโอเค อีกสองวันก็จะเล่นตามมาตรฐานของตัวเองไป”
อันดับสองร่วมเป็น อิทธิพัทธ์ บูรณธัญรัตน์ นักกอล์ฟวัย 24 ปีจากนนทบุรี ที่เก็บเข้ามา 1 อีเกิ้ล 4 เบอร์ดี้ 1 โบกี้ จบรอบสอง 5 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสองวัน 8 อันเดอร์พาร์ 136 ตามหลังผู้นำอยู่ 4 สโตรค เท่ากับ ภูริณัฐ ทรงไพบูลย์ ที่หวดเข้ามาถึง 7 อันเดอร์พาร์ 65 ดีที่สุดในการเล่นอาชีพ
อิทธิพัทธ์ เผยว่าได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ เศรษฐี และนำปรับมาใช้กับตนเองอย่างได้ผล “เขาบอกว่าแค่ตีตามที่ตั้งไว้ในแต่ละวัน ไม่ต้องตั้งเป้าว่าจะได้แชมป์หรือไม่ ผมอ่านก็โดนใจ เมื่อก่อนเราตีแบบนั้นไม่ได้กะจะแชมป์อะไรเลย แต่ปรากฏว่าได้แชมป์ จากนั้นหลังๆมาคิดจะเอาแชมป์อยู่ได้ พอได้อ่านก็เปลี่ยนความคิดใหม่เล่นเป็นวันต่อวัน อย่างวันนี้เราตั้งไว้แต่ลบสี่ เราก็โฟกัสแค่ลบสี่ แค่นั้นพอ ไม่ได้มาวอกแวกว่าจะตามเขาเท่าไหร่”
อิทธิพัทธ์ เจ้าของแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 1 รายการที่ วอยาจ พานอรามา เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมายังได้กล่าวถึงเกมในรอบสองด้วยว่า “จากรอบแรกผมพัตต์ระยะไกลกะน้ำหนักไม่ดี แต่วันนี้น้ำหนักพัตต์ไกลๆดี แต่มาพลาดระยะหวังผลทั้งๆที่แอพโพรชเข้าไประยะดีๆหลายหลุมแต่ก็พัตต์หลุดไปเยอะเหมือนกัน”
ส่วน ภูริณัฐ ทรงไพบูลย์ นักกอล์ฟวัย 23 ปีจากกรุงเทพฯ ที่เพิ่งลงเล่นไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ในฐานะนักกอล์ฟอาชีพเพียงรายการที่สองในชีวิต กล่าวหลังผ่าน 36 หลุมที่มีสกอร์ตามหลังผู้นำเพียง 4 สโตรคว่า “ดีใจครับ อยากรู้ว่าเราจะไปได้ไกลที่สุดแค่ไหน อีกสองวันที่เหลือพยายามตีเหมือนเดิม ก็อยากรู้เหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วเราจะไปได้แค่ไหน”
ทางด้าน ภันกร อุทัยพัฒน์ นักกอล์ฟตีไกลวัย 26 ปีจากกรุงเทพฯ มาเร่งเครื่องในรอบสองด้วยกการเก็บอีก 6 เบอร์ดี้ รวมถึงการเก็บ 2 เบอร์ดี้ในการเล่น 2 หลุมสุดท้าย ก่อนขึ้นคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 68 รวมสองวันอยู่อันดับสี่ที่สกอร์ 7 อันเดอร์พาร์ 137
อันดับห้าตามเข้ามาเท่ากันถึง 8 คน ที่สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 139 ในจำนวนนั้นรวมถึง เชาวลิต ผลาผล ที่หวดเข้ามาอีก 3 อันเดอร์พาร์ 69, กษิดิศ เล็บครุฑ ที่ตีเข้ามาอีก 2 อันเดอร์พาร์ 70 และ ชินรัตน์ ผดุงศิลป์ แชมป์เอเชี่ยนทัวร์ 3 รายการที่ในรตอบสองตีเกินไป 1 โอเวอร์พาร์ 73
สำหรับ นำโชค ตันติโภคากุล แชมป์ไทยแลนด์ พีจีเอทัวร์ 3 รายการ และแชมป์ทำเงินเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังออกสตาร์ทรอบแรกตีเกินไป 2 โอเวอร์พาร์ 74 แต่มาแก้คืนในรอบสองด้วยการหวดเข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวมขยับเป็น 2 อันเดอร์พาร์ 142
นำโชค นักกอล์ฟวัย 30 ปีจากชลบุรี กล่าวว่า “วันนี้ได้ออกรอบเช้ากรีนค่อนข้างนุ่ม สามารถคอนโทรลลูกได้ เลยทำแต้มได้ คอนดิชั่นค่อนข้างเล่นง่ายกว่ารอบแรก เมื่อวานออกไปตกใจเลย เนื่องจากกรีนเร็วมาก สำหรับรายการนี้ถึงตรงนี้แค่ติดท็อปไฟว์ก็โอเคแล้วครับ เพราะออกสตาร์ทวันแรกไม่ค่อยดี”
สรุปผลการแข่งขันหลังจบรอบสอง 9 มีนาคม 2560
(-12) 132 เศรษฐี ประคองเวช 63-69
(-8) 136 อิทธิพัทธ์ บูรณธัญรัตน์ 69-67, ภูริณัฐ ทรงไพบูลย์ 71-65
(-7) 137 ภันกร อุทัยพัฒน์ 69-68
(-5) 139 ชินรัตน์ ผดุงศิลป์ 66-73, เทพบดินทร์ อัมรนันทน์ 71-68, ปุณณวิชญ ฮิรายามา 70-69, เชาวลิต ผลาผล 70-69, กษิดิศ เล็บครุฑ 69-70, ภัทรพล ขันทะชา 69-70, ภิญโญ ภิรมย์รื่น 68-71
