สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทยเตรียมจัดรายการโคแซงชั่นกับ ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ ในรายการสิงห์-เอสเอที เอ็มบีเค แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2567 ณ สนามลำลูกกา คันทรี คลับ โดยจะเป็น “ดิ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ควอลิฟายอิง” หา 5 อันดับแรกกอล์ฟทำเงินหลังจบรายการนี้ รวมถึงนักกอล์ฟไทยผลงานดีที่สุดที่ยังไม่ได้สิทธิเข้าร่วมศึกเอเชียนทัวร์ในประเทศไทยในเดือนตุลาคมนี้
นายพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ นายกสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย เปิดเผยรายละเอียดการแข่งขันไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ รายการสิงห์-เอสเอที เอ็มบีเค แชมเปียนชิพ 2024 ชิงเงินรางวัลรวม 3 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 12-15 กันยายน 2567 ณ สนามลำลูกกา คันทรี คลับ โดยจะเป็นรายการโคแซงชั่นกับ ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ รายการที่สองต่อจาก สิงห์ บางกอก โอเพ่น ที่สำคัญจะเป็น ดิ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ควอลิฟายอิง เพื่อหานักกอล์ฟเข้าร่วมการแข่งขันเอเชียนทัวร์ 2 รายการในประเทศไทยซึ่งจะจัดแข่งขัน 2 สัปดาห์ติดต่อกันในช่วงเดือนตุลาคมนี้
“เนื่องจากจะมีการแข่งขันเอเชียนทัวร์ ดิ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ 2 รายการในประเทศไทยในช่วงเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งทางสมาคมฯ ได้สิทธิจากเอเชียนทัวร์ทั้งหมด 12 คน โดยเราจะใช้อันดับเงินรางวัลสะสมหลังจบรายการสิงห์-เอสเอที เอ็มบีเค แชมเปียนชิพ เป็นเกณฑ์ ดังนั้น การแข่งขันรายการโคแซงชั่นกับ ออลไทยแลนด์กอล์ฟทัวร์ 2 รายการ (สิงห์ บางกอก โอเพ่น และ สิงห์-เอสเอที เอ็มบีเค แชมเปียนชิพ) จะเป็นตัวแปรที่สำคัญมากเนื่องจาก 2 รายการนี้ชิงเงินรางวัลรวมรายการละ 3 ล้านบาท รวม 6 ล้านบาท แน่นอนว่าจะต้องมีผลกับการเปลี่ยนแปลงอันดับบนตารางออเดอร์ ออฟ เมอริต ซึ่งมีผลอย่างมากกับโควต้าที่จะเข้าไปเล่นในเอเชียนทัวร์” นายกสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทยกล่าว
เอเชียนทัวร์ 2 รายการในประเทศไทยฤดูกาลนี้จะเริ่มด้วย แบล็คเมาน์เทน แชมเปียนชิพ ระหว่างวันที่ 17- 20 ตุลาคม 2567 ณ สนามแบล็คเมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน ต่อด้วยรายการ อินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ไทยแลนด์ ที่สนามกอล์ฟไทยคันทรี คลับ จังหวัดฉะเชิงเทรา ระหว่างวันที่ 24-27 ตุลาคม 2567 ชิงเงินรางวัลรวมรายการละ 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 72 ล้านบาท โดยทั้งสองทัวร์นาเมนต์ถือเป็นรายการที่ 5 และ 6 จากทั้งหมด 10 รายการในปฏิทินของอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ประจำฤดูกาลนี้
สำหรับสมาชิกของสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทยที่จะได้สิทธิเข้าไปเล่นในเอเชียนทัวร์ทั้ง 2 รายการนั้นจะแบ่งเป็น นักกอล์ฟที่ทำเงินรางวัลสูงสุด หรือ ออเดอร์ ออฟ เมอริต ของไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 5 อันดับแรกหลังจบรายการสิงห์-เอสเอที เอ็มบีเค 2024 จะได้สิทธิลงเล่นเอเชียนทัวร์ทั้ง 2 รายการ ส่วนแชมป์ทำเงินไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ฤดูกาล 2023 จะได้สิทธิเล่นรายการแบล็คเมาน์เทน แชมเปียนชิพ ที่แบล็คเมาน์เทน กอล์ฟ คลับ นอกจากนั้น ผู้เล่นที่ทำผลงานดีที่สุดที่ ลำลูกกา คันทรี คลับ ซึ่งยังไม่ได้อยู่ใน 5 อันดับแรกของออเดอร์ ออฟ เมอริต (เฉพาะนักกอล์ฟไทย) และ ไม่ใช่นักกอล์ฟที่ได้จะสิทธิ์จาก Asian tour อยู่แล้วจะได้สิทธิ“ไวลด์คาร์ด”เล่นอินเตอร์เนชันแนล ซีรีส์ ไทยแลนด์ ที่สนามกอล์ฟไทยคันทรี คลับ