กษิดิศ เล็บครุฑ เก็บห้าอันเดอร์พาร์ในช่วงหกหลุมแรกก่อนจบรอบสองเข้ามา 6 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสองวัน 8 อันเดอร์พาร์ 134 ขึ้นมานำบนคลับเฮ้าส์โดยมี รัชพล จันทวารา จณัตว์ สกุลพลไพศาล และ วินธัย วิวัฒน์สนิทชัย ตามหลังสองสโตรก ในศึกกอล์ฟอาชีพไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการสิงห์-เอสเอที หัวหิน แชมเปียนชิพ ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท ณ สนามกอล์ฟหลวงหัวหิน ระยะ 6,713 หลา พาร์ 71 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งการแข่งขันในรอบสองไม่สามารถเล่นจบรอบได้เนื่องจากมีพายุฝนฟ้าคะนอง
สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพแห่งประเทศไทย โดยการสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท., กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จัดแข่งขันเก็บคะแนนสะสม ออเดอร์ ออฟ เมอริต เป็นรายการที่ 4 ของฤดูกาล ชิงเงินรางวัลรวม 2 ล้านบาท แชมป์รับ 2.4 แสนบาท ระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค. ภายใต้มาตรการป้องกันเชื้อ ไวรัส โควิด-19 อย่างเข้มงวด
เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมาเป็นรอบสองของการแข่งขันซึ่งต้องเจอกับพายุฝนฟ้าคะนองเล่นงานจนการแข่งขันต้องยุติชั่วคราวไป 1 ชั่วโมง 30 นาที ส่งผลให้นักกอล์ฟจำนวนหนึ่งไม่สามารถเล่นจบรอบได้ ต้องกลับมาเล่นต่อในช่วงเช้าของวันที่ 17 ต.ค. และตามด้วยการแข่งขันในรอบสุดท้ายต่อไป
ในกลุ่มนักกอล์ฟที่เล่นจบรอบนั้นเป็น กษิดิศ เล็บครุฑ แชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์ 2 รายการจากปราจีนบุรี ซึ่งออกสตาร์ทที่หลุม 10 และเปิดฉากอย่างร้อนแรงด้วยการเก็บสามเบอร์ดี้ในสามหลุมแรก ตามด้วยการชิพอินอีเกิลระยะ 15 หลาจากหน้ากรีนหลุม 15 พาร์ 5 จากนั้นในช่วงเก้าหลุมหลังไปได้อีก 2 เบอร์ดี้ 1 โบกี้ ก่อนจบรอบสอง 6 อันเดอร์พาร์ 65 รวมสองวันขึ้นไปนำบนคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์ 8 อันเดอร์พาร์ 134
นักกอล์ฟวัย 29 ปีจากปราจีนบุรีกล่าวว่า “พอใจมากเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสนามนี้ผมไม่เคยตีดีขนาดนี้มาก่อน วันนี้สตาร์ตดีครับจบเก้าหลุมแรกห้าอันเดอร์ เข้าเก้าหลุมหลังก็ตีไปเรื่อยๆครับ คิดแค่ว่าเล่นให้สนุกและพยายามมีสมาธิให้มากที่สุด เพราะว่าบางครั้งชอบหลุดสมาธิมากไปหน่อย”
กษิดิศซึ่งกำลังลุ้นแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการที่สามในอาชีพต่อจากชัยชนะที่เชียงใหม่ อินทนนท์ เมื่อปี 2015 และสปริงฟิลด์ รอยัล คันทรีคลับ เมื่อปี 2019 ยังกล่าวต่ออีกว่า “สำหรับแมตช์สมาคมฯนับตั้งแต่แซนด์บ็อกซ์สวิงก็มีขึ้นเรื่อยๆครับ จบที่สิบห้า แล้วมาที่ห้า จนมารายการนี้ที่ทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว ก็รู้สึกดีใจครับที่ตัวเองเริ่มพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ สำหรับรอบสุดท้ายที่สำคัญคือทีช็อต ถ้าเราตีอยู่ในแฟร์เวย์ก็มีโอกาสขึ้นไปออนและลุ้นพัตต์ แต่ถ้าเราตีเข้าป่าหรือเขตอุปสรรค โฮกาสที่จะเสียแต้มมันมีสูงครับสำหรับสนามนี้”
ตามหลังสองสโตรกเป็น รัชพล จันทวารา นักกอล์ฟวัย 34 ปีจากอุบลราชธานี ที่หวดเข้ามาอีก 5 อันเดอร์พาร์ 66 และ จณัตว์ สกุลพลไพศาล จากระยองกับ วินธัย วิวัฒน์สนิทชัย ที่หวดเข้ามาคนละ 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสองวันมีคนละ 6 อันเดอร์พาร์ 136 นำหน้า นิรันดร์ แซ่อึ้ง และ ชลทิตย์ ชื่นบุญงาม อยู่สโตรกเดียว โดยในรอบสอง นิรันดร์ ตีเข้ามา 4 อันเดอร์พาร์ 67 ส่วน ชลทิตย์ 3 อันเดอร์พาร์ 68
รัชพลแชมป์ออลไทยแลนด์ที่เชียงรายเมื่อปี 2020 ที่กำลังล่าแชมป์ไทยแลนด์พีจีเอทัวร์รายการแรกในชีวิตกล่าวหลังเก็บเพิ่มอีก 5 เบอร์ดี้ไม่มีโบกี้ในรอบสองว่า “วันนี้เกมกลับมาดีครับ ตีกรีนเยอะ ต่างกับวันแรกมีทีช็อตผิดที่ทำให้เสียแต้มไปสองหลุม วันนี้ทีช็อตไม่มีผิดเลย ทำให้เราตีช็อตสองขึ้นกรีนได้ง่าย และวันนี้รู้สึกว่าจะปล่อยพัตเตอร์ได้ดีกว่าทำให้ทำแต้มได้ดี พอใจครับ ถือว่าเกินคาด เพราะเราตั้งใจมาเรียกฟิลลิง ความรู้สึกต่างๆ เพราะยังมีแมตช์เหลืออีกเยอะ ก็ถือว่าพอใจสุดๆครับ”
ส่วน จณัตว์สกุลพลไพศาล หนุ่มจากระยองที่ในรอบสองทำเข้ามาอีก 4 เบอร์ดี้โดยไม่เสียโบกี้ก่อนขึ้นคลับเฮ้าส์ด้วยสกอร์ 4 อันเดอร์พาร์ 67 รวมสองวัน 6 อันเดอร์พาร์ 136 เผยว่า “ออกไปได้เบอร์ดี้ตั้งแต่หลุม 11 ตีไปหน้ากรีนแล้วชิพไปใกล้ แล้วมาได้อีกทีก็พาร์ 5 เหมือนกัน หลังจากนั้นมาได้อีกสองเบอร์ดี้ไม่มีโบกี้ครับวันนี้ วันนี้ทีไปออนเยอะครับบวกกับชิพพัตต์ดี ก็พอใจในระดับดีเลยครับเพราะว่าสามารถเล่นตามแผนที่วางไว้ไปได้เรื่อยๆครับ”
ขณะที่ วินชัย วิวัฒน์สนิทชัย นักกอล์ฟวัย 27 ปีจากกรุงเทพฯ กล่าวว่า “วันนี้พัตต์ดีครับเล่นดีด้วย แต่ว่าสตาร์ตออกไปไม่ดีเสียดับเบิล ก็พยายามกลับมาอยู่ในเกมตัวเอง ไม่รู้ว่าโชคดีด้วยไหมเพราะพอฝนตกและหยุดปุ๊ปเราก็เลิกสนใจเกมแล้วกลับมาเล่นอยู่ในโซนตัวเอง ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป มาถึงตรงนี้ผมก็หวังถึงแชมป์เหมือนกัน อาจจะรู้สึกว่าเกินไปหรือเปล่า แต่ว่ามันมาถึงตรงนี้แล้วมันต้องไป ได้หรือไม่ได้ก็ไม่เสียใจแล้วครับ”
สำหรับ แสงชัย แก้วเจริญ ซึ่งออกสตาร์ทในฐานะผู้นำ ทว่าเข้ารอบสองเก็บเพิ่มเข้ามาเพียงเบอร์ดี้เดียวและเสียคืนไปถึง 4 โบกี้ก่อนจบรอบ 3 โอเวอร์พาร์ 74 รวมสองวัน 3 อันเดอร์พาร์ 141 เท่ากับ พศวีร์ เลิศวิไล และ นิติธร ทิพย์พงษ์ ซึ่งหวดเข้ามา 71 และ 68 ตามลำดับ